อวสานของจุดเริ่มต้น : การจากไปของซัลลาซาร์ สลิธเทอรีน
การแยกทางของหนึ่งในสี่ผู้ก่อตั้งโรงเรียนเวทย์มนต์ฮอกวอตส์อันเลื่องชื่อ แต่จะมีใครรู้ความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อสหัสวรรษก่อนบ้าง.. ความจริงก็คือไม่มีเลย นอกจากตัวซัลลาซาร์ สลิธเทอรีนเอง
ผู้เข้าชมรวม
855
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"อาจารย์คะ !"
ชายร่างสูงวัยสามสิบเศษผู้ถูกเรียกยังคงยืนนิ่งอยู่ เขาไม่สะดุ้งหรือไหวตัวแม้แต่น้อย ราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงคำนึงจนไม่ได้ยินเสียงใด ๆ
สายลมหนาวเย็นแห่งฤดูหนาวพัดโบกจนหญิงสาวต้องหยุดวิ่งด้วยอาการสั่นสะท้าน แต่ชายหนุ่มนัยน์ตาสีเขียวใบไม้ ยังคงยืนนิ่งดุจรูปปั้นอยู่เช่นเดิม แม้นว่าผมสีดำยาวซึ่งรวบไว้เรียบสนิทด้วยริบบิ้นไหมสีเขียวเข้มรับกับสีตา จะปลิวสะบัดตามแรงลมก็ตาม
ซัลลาซาร์ สลิธเทอรีนยังคงทอดสายตาจับจ้องไปที่ภาพของปราสาทฮอกวอตส์เบื้องหน้าราวกับอยากจะประทับภาพ ๆ นี้ให้ใจของเขาไม่มีวันลืมได้เลยชั่วชีวิต
"มีอะไรหรือ คาร์เนเลียน" ซัลลาซาร์ถามกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยตรงข้ามกับน้ำเสียงร้อนรนของแม่มดผู้ช่วยของเขาดุจน้ำแข็งกับไฟ
"ท่านอาจารย์เก็บข้าวของทำไมคะ ! ท่านจะไปจากฮอกวอตส์หรือ"
ซัลลาซาร์หันไปมองคาร์เนเลียนอย่างอ้อยอิ่ง เขาน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าแม่มดฝึกหัดคนนี้แทบไม่เคยอยู่ห่างจากข้างกายเขามาตลอด 5 ปีนับแต่เขาเจอเธอ แล้วเขาจะไปจากที่นี่โดยที่แม่มดผมบลอนด์คนนี้ไม่ทันสังเกตได้อย่างไร ถึงแม้หีบข้าวของทั้งหมดจะใช้เวทย์มนต์ย่อส่วนและเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมเขาแล้วก็ตาม
"ข้าอาจจะแค่หลบไปพักร้อนที่อื่นก็ได้ ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าจะไปจากที่นี่ล่ะ" ซัลลาซาร์ตีสีหน้าเฉยแม้จะแอบยิ้มอยู่ในใจ
คาร์เนเลียนทำปากยื่น เขาแหย่เธอได้ไม่เบื่อก็เพราะเธอไม่เคยซ่อนอารมณ์ได้สักทีแบบนี้แหละ
"เพราะข้าเห็นจดหมายลาที่ท่านทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานของท่านน่ะสิ พร้อมตราประทับประจำตระกูลสลิธเทอรีนที่ท่านทิ้งไว้ด้วย ท่านคิดว่าจะไม่กลับมาอีกแล้วหรือคะ"
แววตาสีเขียวของหัวหน้าบ้านสลิธเทอรีนหม่นลงไปชั่วแวบหนึ่ง ก่อนจะหายไปเหลือเพียงแววตาไร้ความรู้สึก เมื่อเอ่ยคำตอบออกมาว่า "ใช่แล้วล่ะ"
คาร์เนเลียนรู้สึกเจ็บในอกขึ้นมาทันที เพราะเธอสาบานตนเอาไว้ว่า จะติดตามชายผู้นี้ไปทุกหนทุกแห่ง เพื่อตอบแทนบุญคุณที่เขาเคยช่วยชีวิตเธอไว้จากพวกมักเกิ้ลที่กำลังจะเผาเธอทั้งเป็น และเมื่อรู้ว่าเธอสูญเสียความทรงจำไปหมด เพราะช็อคจากการโดนทรมาน ก็รับเธอไว้เป็นผู้ช่วย เพราะตอนนั้นเธออายุ 18 จึงไม่อาจเข้าเรียนในฮอกวอตส์ได้แล้ว แถมยังตั้งชื่อตามอัญมณีที่เขาชอบ ให้เธออีกด้วย
"เป็นเพราะ . . . เรื่องของท่านกับกริฟฟินดอร์ใช่ไหมคะ" เสียงของคาร์เนเลียนเริ่มสั่น ถึงอาจารย์ของเธอจะสอนมาตลอดว่าให้เก็บงำอารมณ์อ่อนแอไว้ภายในใจ อย่าแสดงออกมาก็ตาม แต่เมื่อคิดว่า เธอจะไม่ได้เจออาจารย์ที่เป็นเหมือนชีวิตของเธออีกแล้ว คาร์เนเลียนก็รู้สึกอยากจะปล่อยโฮออกมาดัง ๆ เสียเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ
ซัลลาซาร์เงยหน้าและทอดสายตาไปทางปีกพยาบาล ใจหนึ่งหวังว่าคงไม่มีใครมองลงมาพอดี แต่อีกใจหนึ่งก็อดหวังไม่ได้เหมือนกันว่า เพื่อนสนิทผู้ร่วมสร้างฮอกวอตส์กันมา จะมองออกมานอกหน้าต่าง และได้เห็นเขาอีกเป็นครั้งสุดท้าย
"คราวนี้ยังดีแค่บาดเจ็บ แล้วถ้ามีคราวหน้าอีกล่ะ เจ้าบ้าก็อดริกนั่นยิ่งชอบเอาศักดิ์ศรีมาค้ำคอทุกครั้งหลังอาหารสามมื้อเสียด้วย" ซัลลาซาร์ถอนหายใจยาวและทำหน้ายุ่ง เมื่อคิดถึงเพื่อนสนิทของเขาที่มักจะกล้าจนบ้าบิ่นเสมอ ที่เจ้าสิงโตนั่นบาดเจ็บตอนนี้ก็เพราะดันมาท้าประลองดาบกับเขา ทั้งที่รู้ดีว่าฝีมือเชิงดาบสู้ไม่ได้แท้ ๆ
ที่ประลองกันก็เพราะโต้เถียงกันเรื่องเดิม ๆ นั่นแหละ - เรื่องรับพวกเด็กมักเกิ้ลมาเข้าเรียน
ก็อดริกเห็นว่าฮอกวอตส์ควรจะรับนักเรียนอย่างเสมอภาคกันโดยไม่แบ่งแยก เฮลก้าก็พลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วยเพราะคิดแค่ว่า โรงเรียนควรจะประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่เด็กทุกคนที่สามารถเรียนเวทย์มนต์ได้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้อคติอะไรกับพวกลูกครึ่ง หรือว่ารักแต่พวกเลือดบริสุทธิ์สักหน่อย เพียงแต่เห็นว่า พวกมักเกิ้ลนั่นไว้ใจไม่ได้ต่างหาก
ทั้ง ๆ ที่พวกมักเกิ้ลจอมป่าเถื่อนนั่นทั้งหวาดกลัวและก็เกลียดชังผู้มีพลังเวทย์มนต์ จนพร้อมที่จะฆ่าพวกเราให้ตายอย่างทรมานแท้ ๆ แม้แต่คาร์เนเลียนที่ยืนอยู่ข้างเขาตอนนี้ ถ้าตอนนั้นเขาไปช่วยเธอไม่ทันล่ะก็ ป่านนี้เธอคงกลายเป็นเถ้าในกองไฟไปแล้ว (เขาเลยไม่สนใจจะสืบหาด้วยซ้ำว่าเธอเป็นพวกมักเกิ้ลบอร์นหรือเปล่า แม้จะไม่มีคนในชุมชนเวทย์มนต์ที่รู้จักเธอเลยก็ตาม)
โรวีน่าเสียอีกที่พอจะเข้าใจความคิดของเขา ที่ไม่อยากจะรับพวกมักเกิ้ลเข้าเรียนเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของนักเรียนส่วนใหญ่ เลยเลือกวิธีตัดไฟแต่ต้นลม และก็เลยถือหางฝ่ายเขาอยู่ในที (แม้อีกใจหนึ่งเธอก็แอบบ่นเสียดายว่า ถ้าเด็กมักเกิ้ลนั่นฉลาดมากล่ะ) แต่ไป ๆ มา ๆ เลยกลายเป็นว่า สี่ผู้ก่อตั้งเกิดความแตกแยก แล้วยิ่งนานวันมิตรภาพก็ยิ่งร้าวฉาน จนยากจะประสานรอย ซึ่งก็ส่งผลกระทบไปถึงพวกนักเรียนที่อยู่ต่างบ้านกันไปด้วย ตอนนี้นักเรียนบ้านสลิธเทอรีนกับกริฟฟินดอร์ไล่สาปกันไม่เว้นแต่ละวันเลย นี่ถ้ามีกีฬาที่เป็นที่นิยมในโลกเวทย์มนต์ก็ดีหรอก จะได้ลดทอนความรุนแรงของการต่อสู้ของพวกนักเรียนลงได้บ้าง
ทั้งที่กำลังจะจากไปแล้วแท้ ๆ แต่ยังไงเขาก็ยังอดห่วงพวกนักเรียนไม่ได้จริง ๆ - ก็ถ้าเกิดพวกนักเรียนมักเกิ้ลนั่นพาพวกบ้าคลั่งที่เกลียดผู้มีเวทย์มนต์มาทั้งหมู่บ้านล่ะ
"อาจารย์เป็นห่วงพวกนักเรียนสินะคะ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปสิคะ" คาร์เนเลียนเอ่ยออกมาและปลุกเขาออกจากภวังค์ ตอนนั้นเองซัลลาซาร์ถึงรู้สึกตัวว่าเผลอแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า ทั้งที่แม้แต่เพื่อนสนิทอีกสามคนยังแทบจะไม่เคยเห็นเขาแสดงอารมณ์ออกมาแท้ ๆ แต่กับคาร์เนเลียนแล้ว ไม่รู้ทำไมเขาถึงเผลอตัวอยู่เรื่อย
ไม่สิ เพราะเป็นคาร์เนเลียนต่างหาก เขาถึงได้แสดงอารมณ์ออกมาอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ทั้งที่ไม่เคยทำได้แม้แต่กับภรรยาสายเลือดบริสุทธิ์ที่เขาถูกบังคับให้แต่ง และลูกชายที่เอาแต่ติดแม่นั่นด้วย พวกนั้นน่ะ สนใจเพียงหน้าตาทางสังคม อำนาจ และฐานะการเงินของเขาเท่านั้นแหละ
ซัลลาซาร์กระแอมเบา ๆ เพื่อดึงสมาธิตัวเองให้จดจ่อกับเรื่องที่คาร์เนเลียนถาม ก่อนจะตอบว่า "ข้าสร้างห้องลับทิ้งไว้พร้อมกับบาสิลิสก์แล้ว หากพวกมักเกิ้ลบุกโรงเรียนตอนที่ทายาทสลิธเทอรีนอยู่ในโรงเรียนล่ะก็ โดนบาสิลิสก์จ้องตาเข้าไปทีเดียวก็ตายหมดแล้ว"
"บาสิลิสก์น่ะหรือคะ ! แต่ ... ท่านอาจารย์ชอบมันมากเลยนี่นา ทำไมถึงทิ้งมันไว้ล่ะคะ" คาร์เนเลียนพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกได้เลยว่าเธอแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เพราะลูกงูบาสิลิสก์เป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของอาจารย์เธอซึ่งประคบประหงมมาตั้งแต่ยังเป็นไข่เลยด้วยซ้ำ พอฟักออกมาซัลลาซาร์ก็ให้มันพันแขนอยู่ตลอดเวลา และพูดคุยกับมันเสมอจนใคร ๆ รู้กันหมดว่าเขาสามารถพูดภาษางูได้
หัวหน้าบ้านสลิธเทอรีนเบือนหน้าหลบไปทางอื่น งูเป็นสัตว์เลี้ยงที่เขาโปรดปรานมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และยิ่งบาสิลิสก์ซึ่งต้องการ การดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษมากกว่างูตัวอื่น ก็ยิ่งทำให้เขารักมันมากกว่างูตัวไหน ๆ ที่เขาเคยเลี้ยงมา
แต่ถึงยังไง ... พวกนักเรียนก็ต้องมาก่อน
"อีกอย่าง ถ้าท่านไม่อยู่ใครจะให้อาหารมันล่ะ มันไม่เคยเชื่องกับคนอื่น นอกจากอาจารย์เลยด้วย" คาร์เนเลียนยังไม่ละความพยายามที่จะกล่อมอาจารย์เธอให้เปลี่ยนใจ
"ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก คาร์เนเลียน ห้องลับที่ข้าสร้างไว้เชื่อมกับท่อระบายน้ำทั้งหมดในฮอกวอตส์ บาสิลิสก์กินหนูในโรงเรียนเป็นอาหารได้ จะได้ช่วยกำจัดเชื้อโรค ไม่ให้นักเรียนเจ็บป่วยด้วย" ซัลลาซาร์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเหมือนตอบคำถามนักเรียนในวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่เขาสอนอยู่
แต่คาร์เนเลียนดึงชายเสื้อคลุมเขาแล้วกระตุกเบา ๆ น้ำใส ๆ เคลือบนัยน์ตาของเธอเป็นประกาย เหมือนกลัวว่าเขาจะหายตัวหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ ดูเหมือนแม่มดสาวจะลืมไปว่าเขากับเพื่อน ๆ ช่วยกันกางเขตป้องกันการหายตัวในอาณาบริเวณทั้งหมดของฮอกวอตส์แล้ว หรือบางทีเธออาจจะรู้ก็ได้ว่า ถ้าซัลลาซาร์คิดจะหายตัวในโรงเรียนจริง ๆ เขาก็ทำได้ เพราะไม่ว่าอย่างไร เขตป้องกันก็กำเนิดมาจากพลังของเขาเอง
ซัลลาซาร์รู้ดีว่าสำหรับคาร์เนเลียนแล้ว เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเธอ เป็นที่พึ่งพิงและยึดเหนี่ยวจากความว่างเปล่าอันเกิดจากการสูญเสียความทรงจำของเธอ พ่อมดผมดำรู้ดีว่าเขาทิ้งเธอไว้ไม่ได้แน่ และความจริงก็คือ ... เมอร์ลิน ! เขาไม่อยากจากเธอไปเหมือนกัน ถ้าเขาต้องสูญเสียฮอกวอตส์ไปแล้ว อย่างน้อยเขาก็อยากจะมีเธอไว้ข้างกาย ... จนกว่าชีวิตนี้จะดับสูญไป
เขาสูดหายใจลึกและถามเสียงต่ำ "จะไปกับข้าไหมล่ะ คาร์เนเลียน"
เธอเงยหน้าขึ้นมองตาผู้เป็นทั้งอาจารย์และผู้ช่วยชีวิตของเธอ ราวอยากจะรู้ว่าเขาพูดจริงหรือเพียงล้อเล่น แล้วแววตาแน่วแน่กับรอยยิ้มอย่างมีความสุขนั้นก็ตอบเธอได้ชัดเจนว่า เขาพูดจริง
"ไปค่ะ ข้าจะตามท่านไปทุกหนทุกแห่งเลย !" คาร์เนเลียนโผเข้ากอดเขาแน่น ตามความเคยชินเวลาดีใจสุดขีด ที่หน้ากากซ่อนอารมณ์ของเขามักจะหลุดต่อหน้าเธอเสมอ ก็คงเป็นเพราะนิสัยแบบนี้ของเธอนี่แหละ
ซัลลาซาร์ยิ้มออกมาเต็มที่ อย่างที่ไม่เคยยิ้มเลยนับจากเริ่มขัดแย้งกับเพื่อน ๆ ทั้งสามมาหลายปี ขณะที่สองมือโอบกอดตอบไปอย่างที่ใจอยากจะทำมานานแสนนาน เขาเงยหน้าขึ้นมองภาพปราสาทฮอกวอตส์เป็นครั้งสุดท้ายและพึมพัมเบา ๆ
"ลาก่อนนะ ฮอกวอตส์ สักวันข้าจะกลับมาแน่ ๆ ไม่ว่าจะนานสักกี่ร้อยวันพันปี ข้าจะต้องกลับมาแน่" นัยน์ตาสีเขียวของซัลลาซาร์เป็นประกายก่อนที่ทั้งสองจะหายตัวไปด้วยกัน
****
'. . . เพราะงั้นก็เชิญพวกนายทะเลาะกันต่อไปตามสบายเลยนะ ส่วนฉันขอบายล่ะ
ซัลลาซาร์ สลิธเทอรีน
ผู้ก่อตั้งฮอกวอตส์ที่เจ๋งที่สุดแล้ว
ปล. วันไหนทายาทสลิธเทอรีนกลับมาฮอกวอตส์ เมื่อนั้นห้องลับที่ซ่อนไว้จะถูกเปิด แล้วพวกมักเกิ้ลจะถูกกำจัดไปให้หมดทุกคน เชิญหาห้องลับที่ว่านี้กันตามสบายนะ ยังไงพวกนายก็ไม่มีทางหาเจอหรอก'
โรวีน่ายังคงถือจดหมายอยู่อย่างนั้น ไม่รู้จะพับเก็บไว้ หรือจะฉีกทึ้งออกเป็นชิ้น ๆ ดี
"พวกเราไม่น่าทะเลาะกันเลย เพราะอย่างนี้ซัลซ์เลยไปจากที่นี่ แล้วนี่เราจะไปตามหาเขาที่ไหนได้ล่ะ" เฮลก้าเริ่มครางเพราะรู้ดีว่าถ้าคนอย่างซัลลาซาร์ สลิธเทอรีนตั้งใจจะจากไปและไม่ให้ใครตามเจอนั้น ย่อมทำได้ไม่ยาก จนก็อดริกที่นอนเจ็บอยู่ต้องลุกขึ้นมาปลอบ แต่ก็ทำได้อย่างทุลักทุเล เพราะเขายังเจ็บแผลที่โดนดาบของซัลลาซาร์แทงไม่หาย แม้จะดื่มยาสมานแผลแล้วก็ตาม
"ไม่เห็นจะต้องโทษตัวเองเลย เฮลก้า เจ้าบ้านั่นอยากไปเอง แล้วนี่ดูสิ ! ทิ้งจดหมายไร้สาระไว้ปั่นหัวพวกเราเล่นอีก" ก็อดริกเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวแม้สีหน้าจะบ่งถึงความรู้สึกผิดเหมือนเฮลก้าก็ตาม เพราะเรื่องที่ซัลลาซาร์รักฮอกวอตส์ที่สุดนั้น ทุกคนต่างรู้กันดี เขารักโรงเรียนนี้มากยิ่งกว่าภรรยาและลูกชายที่แยกกันอยู่มาหลายปีแล้วด้วยซ้ำ
แต่โรวีน่าดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าใจความคิดของเพื่อนที่เข้าใจยากคนนี้ที่สุด เธอรู้ดีว่าเขาทำแบบนี้เพื่อให้ทุกคนได้สติและเลิกทะเลาะกัน ถึงได้อุตส่าห์ประชดและตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขาทั้งสามคนเพื่อให้หันหน้าเข้าหากัน ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ สลิธเทอรีนที่ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี่
'ว่าแต่เมื่อไหร่สองคนนี้จะสังเกตซะทีนะว่าแม่มดผู้ช่วยคนโปรดของซัลลาซาร์ก็ไม่อยู่น่ะ'
โรวีน่าถอนหายใจพลางพับจดหมายในมือและสอดเก็บในกระเป๋าเสื้อคลุม ทว่าในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า
'แต่ทำไมแม้แต่จะลากัน สุดท้ายก็ยังต้องใช้ภาษากวนประสาทแบบนี้ด้วยนะ !!'
** [จบ] **
ผลงานอื่นๆ ของ M@tif ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ M@tif
ความคิดเห็น